บทความการคำนวณ หา Subnet นี้ ไม่ได้ลงรายละเอียด ถึงขนาด Bit น่ะครับ เพราะตัวผมเองไม่เกงเรื่องพวกนี้ ผมคิดว่าถ้า หาตาม internet หรือ หนังสือจะทำให้เข้าใจง่ายกว่าที่อ่านจากบทความนี้ ผมจะเน้นเรื่องของการ คำนวณยังไงให้ไว ให้ถูกต้องแม่นยำเพื่อใช้สำหรับ สอบ หรือ ประโยชน์อื่นๆ น่ะครับ
Default Subnet mask ของแต่ล่ะ Class ดั้งนี้
• Class A จะมี Subnet mask เป็น 255.0.0.0 หรือเลขฐานสองดัง้นี้
11111111.00000000.00000000.00000000
(รวมเลข 1 ให้หมด ก็จะได้เท่ากับ 255)
• Class B จะมี Subnet mask เป็น 255.255.0.0 หรือเลขฐานสองดัง้นี้11111111.11111111.00000000.00000000
• Class C จะมี Subnet mask เป็น 255.255.255.0 หรือเลขฐานสองดัง้นี้11111111.11111111.11111111.00000000
• Class A จะมี Subnet mask เป็น 255.0.0.0 หรือเลขฐานสองดัง้นี้
11111111.00000000.00000000.00000000
(รวมเลข 1 ให้หมด ก็จะได้เท่ากับ 255)
• Class B จะมี Subnet mask เป็น 255.255.0.0 หรือเลขฐานสองดัง้นี้11111111.11111111.00000000.00000000
• Class C จะมี Subnet mask เป็น 255.255.255.0 หรือเลขฐานสองดัง้นี้11111111.11111111.11111111.00000000
มาถึงจุดนี้ผมอยากให้ท่านสังเกตว่า
"ตำแหน่ง ของ Bit ไหน ในหมายเลข IP Address ที่ถูกกันไว้ให้เป็น Network Address หรือ Subnet Address จะมีค่าของ Bit ตำแหน่งที่ตรงกันใน Subnet mask เป็น 1 เสมอ"
หลักการพื้นฐานของการทำ Subnet
หลัก การทำงานมีอยู่ว่า เราจะต้องยืม bitในตำแหน่งที่แต่เดิมเคยเป็น Host Address มาใช้เป็น Sub-network Address ด้วยการแก้ไขค่า Subnet mask ให้เป็นค่าใหม่ที่เหมาะสม
สูตรการคำนวณ 2 ยกกำลัง n - 2 = ?
"ตำแหน่ง ของ Bit ไหน ในหมายเลข IP Address ที่ถูกกันไว้ให้เป็น Network Address หรือ Subnet Address จะมีค่าของ Bit ตำแหน่งที่ตรงกันใน Subnet mask เป็น 1 เสมอ"
หลักการพื้นฐานของการทำ Subnet
หลัก การทำงานมีอยู่ว่า เราจะต้องยืม bitในตำแหน่งที่แต่เดิมเคยเป็น Host Address มาใช้เป็น Sub-network Address ด้วยการแก้ไขค่า Subnet mask ให้เป็นค่าใหม่ที่เหมาะสม
สูตรการคำนวณ 2 ยกกำลัง n - 2 = ?
การวางแผน คำนวณ Subnet
1. หาจำนวน Segment ทั้งหมดที่ต้องการ Subnet address จำนวนใน Segment ในที่นี้ นับจำนวน network ที่อยุ่ในแต่ล่ะฝั่งของ Router หรือของ switch Layer 3 หรือ หากมีการ implement VLAN จะนับจำนวนของ VLAN ก็ได้
2. จำนวนเครื่อง computer ทั้งหมดในแต่ล่ะ Segment (ในที่นี้เราสมมุติ ว่าจำนวนเครืื่อง มีจำนวนใกล้เคียงกัน)
3. หาจำนวน bit ที่จะต้องยืมมาใช้เป็น Subnet Address โดยพิจารณาจาก ข้อ.1 และ ข้อ.2 โดยอาศัยสูตรง่าย ๆ
ถ้ายืมมาจำนวน x bit แล้ว ถ้านำเอา 2 มายกกำลังด้วย x แล้ว หักลบออกอีก 2 แล้วได้ค่ามากกว่า หรือ เท่ากับจำนวน
Subnet address ที่เราต้องการ
ขั้นต่อมา ก้ต้องนำ bit ที่เหลือจากการยืมมา เข้าสูตรเดิมคือ 2 ยกกำลัง n -2 = ??
4. นำ subnet mask ที่ได้มาคำนวณร่วมกับหมายเลข Network Address เดิมเพื่อหา Subnet Address ทั้งหมดที่เป็นไปได้ เพื่อที่จะนำไปกำหนดให้กับ Network แต่ล่ะ Segment
ถ้ายืมมาจำนวน x bit แล้ว ถ้านำเอา 2 มายกกำลังด้วย x แล้ว หักลบออกอีก 2 แล้วได้ค่ามากกว่า หรือ เท่ากับจำนวน
Subnet address ที่เราต้องการ
ขั้นต่อมา ก้ต้องนำ bit ที่เหลือจากการยืมมา เข้าสูตรเดิมคือ 2 ยกกำลัง n -2 = ??
4. นำ subnet mask ที่ได้มาคำนวณร่วมกับหมายเลข Network Address เดิมเพื่อหา Subnet Address ทั้งหมดที่เป็นไปได้ เพื่อที่จะนำไปกำหนดให้กับ Network แต่ล่ะ Segment
5. คำนวณหมายเลข IP Address ที่เป็นไปได้ทั้งหมดในแต่ล่ะ Subnet แล้วนำไป กำหนดให้กับเครื่อง computer เครื่อง server และแต่ล่ะ interface ของ router จนครบ
ตัวอย่างการคำนวณ น่ะครับ
Network Address 192.168.100.0
Subnetmask 255.255.255.192 (/26)
• ได้ทั้งหมดกี่ subnet
Network Address 192.168.100.0
Subnetmask 255.255.255.192 (/26)
• ได้ทั้งหมดกี่ subnet
bit ที่ถูกยืมมา 2
255.255.255.11000000
ดั้งนั้น จำนวน subnet ที่ได้คือ 2 ยกกำลัง 2 - 2 = 2 subnet
• ได้ทั้งหมดกี่ Host
Bit ที่เหลือจากการยืมจากข้างบน คือ 6
ก็นำมาเข้าตามสูตรเหมือนกัน 2 ยกกำลัง 6 - 2 = 62 host << ที่จะนำไปใช้กับเครื่อง ใ 1 วง network
• หมายเลข Subnet ที่ถูกต้องเป็นหมายเลขอะไรบ้าง ??
255.255.255.11000000
ดั้งนั้น จำนวน subnet ที่ได้คือ 2 ยกกำลัง 2 - 2 = 2 subnet
• ได้ทั้งหมดกี่ Host
Bit ที่เหลือจากการยืมจากข้างบน คือ 6
ก็นำมาเข้าตามสูตรเหมือนกัน 2 ยกกำลัง 6 - 2 = 62 host << ที่จะนำไปใช้กับเครื่อง ใ 1 วง network
• หมายเลข Subnet ที่ถูกต้องเป็นหมายเลขอะไรบ้าง ??
Subnet แรก 192.168.100.0 1 000000 192.168.100.64
Subnet สอง 192.168.100. 1 0 000000 192.168.100.128
• หมายเลข Host ในแต่ล่ะ subnet เป็นอย่างไร ?
Subnet สอง 192.168.100. 1 0 000000 192.168.100.128
• หมายเลข Host ในแต่ล่ะ subnet เป็นอย่างไร ?
Subnet แรก 192.168.100.64
ที่ใช้ได้ 192.168.100.65 - 192.168.100.126
Subnet สุดท้าย 192.168.100.128
ที่ใช้ได้ 192.168.100.129 - 192.168.100.190
___________________________________
Subnet สุดท้าย 192.168.100.128
ที่ใช้ได้ 192.168.100.129 - 192.168.100.190
___________________________________
อีกตัวอย่างการคำนวณ น่ะครับ
Network Address 192.168.100.0
Subnetmask 255.255.255.224 (/27)
• ได้ทั้งหมดกี่ subnet
Network Address 192.168.100.0
Subnetmask 255.255.255.224 (/27)
• ได้ทั้งหมดกี่ subnet
bit ที่ถูกยืมมา 3
255.255.255.1 1 1 00000
ดั้งนั้น จำนวน subnet ที่ได้คือ 2 ยกกำลัง 3 - 2 = 6 subnet
• ได้ทั้งหมดกี่ Host
Bit ที่เหลือจากการยืมจากข้างบน คือ 5
ก็นำมาเข้าตามสูตรเหมือนกัน 2 ยกกำลัง 5 - 2 = 30 host << ที่จะนำไปใช้กับเครื่อง ใ 1 วง network
• หมายเลข Subnet ที่ถูกต้องเป็นหมายเลขอะไรบ้าง ??
Subnet Zero คือ 192.168.100.0 - 192.168.100.31 << ไม่ใช่น่ะครับ วงนี้
Subnet แรก คือ 192.168.100.32 - 192.168.100.63
255.255.255.1 1 1 00000
ดั้งนั้น จำนวน subnet ที่ได้คือ 2 ยกกำลัง 3 - 2 = 6 subnet
• ได้ทั้งหมดกี่ Host
Bit ที่เหลือจากการยืมจากข้างบน คือ 5
ก็นำมาเข้าตามสูตรเหมือนกัน 2 ยกกำลัง 5 - 2 = 30 host << ที่จะนำไปใช้กับเครื่อง ใ 1 วง network
• หมายเลข Subnet ที่ถูกต้องเป็นหมายเลขอะไรบ้าง ??
Subnet Zero คือ 192.168.100.0 - 192.168.100.31 << ไม่ใช่น่ะครับ วงนี้
Subnet แรก คือ 192.168.100.32 - 192.168.100.63
Subnet สอง คือ 192.168.100.64 - 192.168.100.95
Subnet สาม คือ 192.168.100.96 - 192.168.100.127
Subnet สาม คือ 192.168.100.96 - 192.168.100.127
Subnet สี่ คือ 192.168.100.128 - 192.168.100.159Subnet ห้า คือ 192.168.100.160 - 192.168.100.191Subnet หก คือ 192.168.100.192 - 192.168.100.223
Broadcast คือ 192.168.100.224 - 192.168.100.255 << อันนี้ก็ไม่ใช่น่ะครับ
จะ เห็นได้ว่า มีแค่เพียง 6 subnet เท่านั้น ที่ใช้ได้ แต่ในทางปฏิบัติ เราสามารถใช้ คำสั่ง subnet zero ได้น่ะครับให้สามารถใช้งานได้ แต่ทีผมแนะนำให้ ลบออกสอง คือในทางทฤษฏี น่ะครับ แต่ก็ควรทำน่ะ
มาถึงจุดนี้ก้ต้องทำได้กัน้บางแล้วน่ะครับแต่มันยังไม่จบหรอกน่ะครับ ยังมีความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
Broadcast คือ 192.168.100.224 - 192.168.100.255 << อันนี้ก็ไม่ใช่น่ะครับ
จะ เห็นได้ว่า มีแค่เพียง 6 subnet เท่านั้น ที่ใช้ได้ แต่ในทางปฏิบัติ เราสามารถใช้ คำสั่ง subnet zero ได้น่ะครับให้สามารถใช้งานได้ แต่ทีผมแนะนำให้ ลบออกสอง คือในทางทฤษฏี น่ะครับ แต่ก็ควรทำน่ะ
มาถึงจุดนี้ก้ต้องทำได้กัน้บางแล้วน่ะครับแต่มันยังไม่จบหรอกน่ะครับ ยังมีความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น